โรนัลโด้

ประวัติความเป็นมา คริสเตียโน่ โรนัลโด้

ประวัติความเป็นมา ของนักฟุตบอลที่ขึ้นชื่อว่าเก่งที่สุดในโลก เท่าที่โลกนี้เคยมีมาอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ หากไล่เรียงให้ครบทุกเหตุการณ์ ที่สื่อต่างๆ หยิบมาเป็นประเด็นในการนำเสนอ คงต้องมีการคัดกรองข้อมูล เพราะมีทั้งเรื่องราวที่ถูกใส่สีตีไข่ และเรื่องราวที่อ้างอิงได้จริง หลุดออกมาจากปากของเจ้าตัวในการให้สัมภาษณ์เอง

อย่างไรก็ตาม การจ้างผู้เชี่ยวชาญด้าน โซเชี่ยลมีเดีย เข้ามาดูแลช่องทางออนไลน์ทั้งหมด คงเป็นการเตรียมการรับมือปัญหาเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว ทีมงาน cr7ronaldo พร้อมนำเสนอแบบคร่าวๆ มัดรวมประเด็นที่น่าสนใจเอาไว้ในบทความนี้ เริ่มกันที่การเกริ่นนำกันได้เลย

คริสเตียโน่ โรนัลโด้ มีชื่อเต็มคือ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ดอส ซานโตส อาเวโร่ ฉายาที่รู้จักกันในวงการลูกหนัง และเป็นแบรน์สินค้าที่ก่อตั้งจากน้ำพักน้ำแรงของเจ้าตัว คือ ซีอาร์เซเว่น (CR7)

เขาเกิดเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1985 ปัจจุบันเล่นในตำแหน่งกองหน้าให้กับสโมสร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ พร้อมควบตำแหน่งกัปตันทีมชาติโปรตุเกส

ประวัติความเป็นมา-1

ฝีเท้าของเขาการันตีด้วยรางวัล บัลลงก์ ดอร์ 5 สมัย และ รองเท้าทองคำยุโรป 4 สมัย สมญานามว่าเป็นเครื่องจักรถล่มประตูของเขา ไม่ได้เป็นการพูดขึ้นมาเพื่อยกยอกันแบบเกินจริง

เพราะมีสถิติการยิงประตูที่น่าเหลือเชื่อ อาทิ เช่น เป็นผู้เล่นที่ทำประตูรวมในระดับสโมสรและทีมชาติมากที่สุดตลอดกาล 813 ประตู (ยังมีโอกาสเพิ่มขึ้นได้อีก) ทำประตูมากที่สุด 140 ประตู และ ทำแอสซิสต์มากที่สุด 42 ครั้ง ในรายการ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก (ยังมีโอกาสเพิ่มขึ้นได้อีก), เป็นผู้ทำประตูมากที่สุดในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปรอบสุดท้าย 14 ประตู (ยังมีโอกาสเพิ่มขึ้นได้อีก) และ ครองตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของสโมสร เรอัล มาดริด 450 ประตู

การดูแลร่างกายของเขา และ วินัยนอกสนาม ถือว่ามีส่วนสำคัญเป็นอย่างมากต่อผลงานที่เกิดขึ้น ผ่านการลงสนามไปมากกว่า 1,100 นัด นับตั้งแต่เริ่มการค้าแข้ง แต่ไม่ค่อยเจออาการบาดเจ็บหนักเล่นงาน

เพราะจ้างทีมงานด้านโภชนาการ มาดูแลอาหารการกินโดยเฉพาะ รวมไปถึงการออกกำลังกายตามโปรแกรม ที่ถูกจัดวางขึ้นตามที่เทรนเนอร์ด้านฟิตเนสคิดค้นให้

โรนัลโด้ ติดทีมชาติชุดใหญ่ครั้งแรกใน ค.ศ. 2003 ตอนอายุ 18 ปี ปัจจุบันเขาเป็นผู้เล่นที่ลงสนามมากที่สุดและทำประตูมากที่สุดตลอดกาลของ ทีมชาติโปรตุเกส โดยทำประตูแรกได้ในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2004 ซึ่งโปรตุเกสผ่านเข้าชิงชนะเลิศ ก่อนจะได้รับการแต่งตั้งเป็นกัปตันทีมใน ค.ศ. 2008

ค.ศ. 2015 โรนัลโด้ ได้รับการยกย่องโดย สหพันธ์ฟุตบอลโปรตุเกส ให้เป็นนักฟุตบอลชาวโปรตุเกสที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล พาโปรตุเกสคว้าถ้วยรางวัลแรกโดยได้แชมป์ ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2016 ตามด้วยแชมป์ ยูฟ่าเนชันส์ลีก 2019 และ เป็นผู้ทำประตูสูงสุดในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2020

ซีอาร์เซเว่น เป็นหนึ่งในนักกีฬาที่มีชื่อเสียงโด่งดังและร่ำรวยที่สุดในโลก ได้รับการจัดอันดับจาก ฟอร์บส์ ให้เป็นนักกีฬาที่ได้รับค่าจ้างสูงที่สุดใน ค.ศ. 2016 และ 2017 และ การจัดอันดับจาก อีเอสพีเอ็น ให้เป็นนักกีฬาที่มีชื่อเสียงที่สุดในช่วง ค.ศ. 2016–19 รวมทั้งการยกย่องจากไทม์ให้เป็น 1 ใน 100 บุคคลผู้ทรงอิทธิพลของโลกใน ค.ศ. 2014

โรนัลโด้ ถือเป็นนักกีฬาคนที่ 3 และเป็นนักฟุตบอลคนแรกที่ทำรายได้ตลอดอาชีพเกิน 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งรายได้ของเขาไม่ได้มาจากการค้าแข้งเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีธุรกิจส่วนตัว รวมไปถึงการรับหน้าที่เป็น อินฟลูเอนเซอร์ โปรโมทสินค้าตามช่องทางโซเชี่ยลมีเดียต่างๆ อีกด้วย

การโพสต์ในบัญชี อินสตาแกรม ส่วนตัวของเขาหนึ่งครั้ง เรียกราคาได้หลายล้านบาท เพราะเป็นนักฟุตบอลที่มีผู้ติดตามสูงสุดในโลก

ประวัติความเป็นมา ถิ่นฐาน บ้านเกิด

ประวัติความเป็นมา-2

โรนัลโด้ เกิด และ เติบโตที่เกาะมาเดรา เขตปกครองตนเองของประเทศโปรตุเกส เป็นบุตรชายของนาย ฌูแซ ดีนิช อาไวโร่ (เสียชีวิต: ค.ศ. 2005, อายุ 52 ปี) กับนาง มารีอา ดูโลรึช อาไวโร่ เป็นบุตรชายคนเล็กในพี่น้อง 4 คน

ถึงแม้ตอนเกิดเขาจะคลอดก่อนกำหนดแต่ก็มีน้ำหนักสมบูรณ์ถึง 8 ปอนด์ ทวดฝ่ายแม่ของเขา อีซาแบล ดา ปีดาดึ มีพื้นเพมาจากประเทศกาบูเวร์ดี (เคปเวิร์ด)

เขาเกิดมาในครอบครัวแคธอลิกที่เคร่งศาสนาและไม่ได้มีฐานะร่ำรวย บิดาของเขาประกอบอาชีพคนสวน แต่มีปัญหาติดสุราอย่างหนักถึงขั้นเป็นโรคพิษสุราเรื้อรัง

ซีอาร์เซเว่น เกือบจะไม่ได้ลืมตาดูโลก เนื่องจากมารดาของเขามีความคิดที่จะทำแท้งเนื่องจากไม่ต้องการเพิ่มภาระให้แก่ครอบครัว แต่ได้ตัดสินใจยอมลำบากเพื่อลูก ซึ่งภายหลังเธอได้ให้สัมภาษณ์ว่า “เป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดในชีวิต”

ครอบครัวของเขาอาศัยอยู่ในบ้านหลังเล็ก ๆ ที่ย่านกิงตาดูฟัลเซา เมืองฟุงชาล ซึ่งเป็นเขตที่มีประชากรยากจนอาศัยอยู่มาก ทุกคนต้องนอนรวมกันในห้องเล็กๆ อย่างแออัดตามฐานะ อย่างน้อยเมืองนี้ก็เป็ยจุดเริ่มต้นให้เขารู้จักกับฟุตบอลด้วยการลงเล่นตามท้องถนน

ที่มาของชื่อ โรนัลโด้ พ่อของเขาเป็นผู้ตั้งให้ โดยได้แรงบันดาลใจจากชื่อของ โรนัลด์ เรแกน อดีตประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา ซึ่งชื่นชอบเป็นการส่วนตัวตั้งแต่สมัยที่ เรแกน เป็นนักแสดง นิสัยของ โรนัลโด้ นั้นเป็นคนที่มีความทะเยอทะยานตั้งแต่อายุน้อย

ทุกครั้งที่ฝึกซ้อมกับเด็กคนอื่น เขามักจะกล่าวอย่างมั่นใจว่าสักวันเขาจะเป็นผู้เล่นที่โด่งดังและยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกให้ได้ ซึ่งเพื่อน ๆ ต่างก็หัวเราะในความคิดของเขา

ถึงจะโดนดูถูกเขาก็มุ่งมั่นฝึกฝนตัวเองอย่างหนักนับแต่นั้นเพื่อพิสูจน์ว่าคำพูดของเขาไม่ใช่การเพ้อฝัน เคยผ่านการเป็นเด็กเกเรอารมณ์ร้อน แล้วถูกไล่ออกจากโรงเรียนมาก่อน เมื่ออายุได้ราว 14 ปี จากการเขวี้ยงเก้าอี้ใส่ครู แต่ได้ให้เหตุผลว่าโดนพูดจาดูถูกก่อน

ประวัติความเป็นมา เส้นทางการค้าแข้ง

เมื่ออายุ 6 ขวบ เขาเริ่มเล่นฟุตบอลอย่างจริงจังในทีมชุดใหญ่ของทีม อันโดรินญ่า (Andorinha) โดยการชักชวนของญาติ พอถึงปี 1995 โรนัลโดย้ายไปอยู่กับทีม นาซิอองนาล (Nacional)ซึ่งได้รับค่าตัวเป็นชุดแข่งและลูกฟุตบอล

หลังจากช่วยนาซิอองนาลคว้าแชมป์ระดับเยาวชนได้ โรนัลโด้ในวัย 12 ปี ก็ได้รับความสนใจจากสโมสรใหญ่ ๆ ของโปรตุเกส แต่สุดท้ายโรนัลโดเลือกค้าแข้งกับสปอร์ติง ลิสบอน ทีมโปรดของตัวเองในที่สุด

แต่เมื่ออายุได้ 15 ปี เกือบจะต้องเลิกเล่นเนื่องจากตรวจพบอาการหัวใจเต้นเร็วผิดปกติ แต่โชคดีที่การผ่าตัดด้วยการยิงเลเซอร์นั้นรักษาได้หายขาด

ประวัติความเป็นมา-5

เริ่มต้นเล่นอาชีพกับ สปอร์ติ้ง ลิสบอน

ในปี 2002 โรนัลโด้ ในวัย 17 ปี ได้ย้ายมาเล่นให้กับ สปอร์ติ้ง ลิสบอน แม้ว่าจะไดด้รับความสนใจจากหลายทีมชื่อดังในบ้านเกิด ตำแหน่งแรกของเขาเป็นกองหน้ากึ่งปีก ซึ่งโชว์ฝีเท้าได้อย่างยอดเยี่ยมไม่ว่าจะเป็น การหลบหลีกคู่ต่อสู้ การแย่งชิงบอล การยิงจากระยะไกล และ การยิงประตูที่แม่นยำ ทำให้ โรนัลโด้ ในช่วงนั้นโด่งดังไปทั่วในทวีปยุโรป

นอกจากนั้นเขายังมีจุดเด่นที่มีทักษะในการครองบอลและมีความคล่องตัวสูง และ ได้รับการเลื่อนขั้นจากทีมเยาวชนมาสู่ทีมชุดใหญ่ในเวลาอันรวดเร็ว

เขาลงสนามในทีมชุดใหญ่นัดแรกในเกม พรีเมร่า ลีก้า ที่พบกับ บราก้า ในวันที่ 29 กันยายน 2002 ก่อนจะทำได้สองประตูในนัดทีมเอาชนะ โมไรเรนเซ่ 3–0 ในวันที่ 7 ตุลาคม

ด้วยทักษะและลีลาอันโดดเด่นของ โรนัลโด้ ที่ทาง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ได้เห็นกับตามตัวเอง เมื่อทั้งสองทีมได้ปะทะกันในเกมอุ่นเครื่อง

หลังจากถูกลูกทีมหลายคนที่โดนดาวรุ่งรายนี้เล่นงานจนหัวปั่น เซ้าซี้ให้ดึงตัว โรนัลโด้ มาเสริมความแข็งแกร่ง เฟอร์กี้ ก็จัดการปิดดีลอย่างรวดเร็ว ด้วยการยอมจ่ายค่าตัวราว 12.24 ล้านปอนด์ เพื่อดึงตัวเขามาเล่นในถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด เป็นการตัดหน้าผู้จัดการทีมชื่อดังหลายคน อาทิ เช่น เชราร์ อุลลิเยร์ จากสโมสร ลิเวอร์พูล และ อาร์เซน เวนเกอร์ จากสโมสร อาร์เซน่อล

ปิดสถิติการลงเล่นให้กับ ลิสบอน ไปที่ 31 นัด ทำไป 5 ประตู โดยในปัจจุบันอดีตต้นสังกัดได้ทำพิพิธภัณฑ์ส่วนตัวเพื่อยกย่อง โรนัลโด้ ให้เป็นเกียรติประวัติแก่เขาอีกด้วย

ช่วงเวลาที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

โรนัลโด้ ย้ายมาอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยค่าตัว 12.24 ล้านปอนด์ ในฤดูกาล 2003–04 เป็นนักเตะดาวรุ่งที่มีค่าตัวสูงที่สุดในขณะนั้น รวมทั้งเป็นนักเตะโปรตุเกสคนแรกของสโมสร ได้รับมอบเสื้อหมายเลข 7 ที่เป็นเบอร์ตำนานให้สวมใส่

ที่ผ่านมือดาวเตะชื่อดังมากมาย อาทิ จอร์จ เบสต์, เอริก คันโตน่า และ เดวิด เบ็คแฮม เป็นต้น โดยเกมแรกที่เขาลงประเดิมสนามเป็นนัดที่เอาชนะ โบลตัน วันเดอร์เรอร์ส ไปได้ 4-0 ด้วยการลงมาเป็นตัวสำรองแทน นิคกี้ บัตต์ แล้วโชว์ลีลาได้น่าประทับใจ

เขาใช้เวลาไม่นานนัก ให้เข้ากับ พรีเมียร์ลีก และ ผลงาน 8 ประตู จากการลงสนาม 39 นัด ซึ่งรวมถึงประตูแรกในรอบชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ กับ มิลล์วอลล์ ช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ได้จากการชนะ 3–0 ทำให้เขาได้รับรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปีของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด (Sir Matt Busby Player of the Year) ประจำฤดูกาล

ในฤดูกาลที่สอง โรนัลโด้ ทำผลงานได้ไม่ดีเท่ากับปีแรก หลังจากที่จบฤดูกาลด้วยการลงสนาม 50 นัด แต่ทำได้เพียง 9 ประตู โดยเขาเป็นผู้ทำประตูที่ 1,000 ของยูไนเต็ดในเกมพรีเมียร์ลีก นัดที่ทีมบุกแพ้ มิดเดิ้ลสโบรซ์ 1–4 และ ยูไนเต็ด จบฤดูกาลโดยไม่ได้แชมป์รายการใด

ต่อมา ในฤดูกาล 2005–06 โรนัลโดก็เรียกฟอร์มเก่งของตัวเองมาได้อีกครั้งในช่วงครึ่งฤดูกาลหลัง ด้วยการทำ 12 ประตู จากการลงสนาม 47 นัด จบเพียงรองแชมป์พรีเมียร์ลีก

แต่ยังได้แชมป์ ลีก คัพ ปลอบใจคว้ารางวัลนักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมของฟิฟโปร (FIFPro Special Young Player of the Year 2005) ซึ่งเป็นรางวัลเดียวที่ให้แฟน ๆ เป็นผู้ลงคะแนนโหวตตัดสิน และในปีเดียวกันเขาก็ได้อันดับที่ 20 ในตำแหน่งผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปีของฟีฟ่าด้วย

อย่างไรก็ตามมรสุมกับเพื่อนร่วมทีมทั้ง รุด ฟาน นิสเตลรอย และ เวย์น รูนี่ย์ เหมือนจะเป็นชนวนในใจของเขาอยู่เนืองๆ หลังจบศึกฟุตบอลโลก ที่เป็นประเด็นเรื่องขยิบตาเล่นนอกเกม แต่ยังดีที่เคลียร์ใจกันได้ในบั้นปลาย

ฤดูกาล 2006–07 ถือเป็นปีที่ โรนัลโด้ ยกระดับการเล่นและก้าวขึ้นมาเป็นผู้เล่นระดับโลก เขาทำไป 17 ประตูในลีกช่วยให้ ยูไนเต็ด คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ และยังทำผงานโดดเด่นบนเวที ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก

เขาได้รับรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของพรีเมียร์ลีก รวมถึงนักฟุตบอลยอดเยี่ยมโดยผู้ชื่นชอบของ พีเอฟเอ และ นักฟุตบอลดาวรุ่งแห่งปีของพีเอฟเอ โดยเป็นผู้เล่นรายที่สองในประวัติศาสตร์ที่สามารถคว้ารางวัลเกียรติยศทั้งสองมาครองในฤดูกาลเดียวกัน

ต่อจาก แอนดี้ เกรย์ เมื่อปี 1977 ปีนี้เขาได้พัฒนาการเล่นขึ้นมาอย่างมาก เนื่องจากเขาได้รับการฝึกสอนจาก เรเน่ มุลเลนสตีน หนึ่งในทีมผู้ฝึกสอนชุดใหญ่ที่ เซอร์ อเล็กซ์ ให้ความไว้วางใจ

ฤดูกาล 2007–08 โรนัลโดทำประตูในลีกไปถึง 31 ประตูได้รับรางวัลดาวซัลโวพรีเมียร์ลีก และทำ 42 ประตูรวมทุกรายการ เป็นสถิติใหม่สำหรับผู้เล่นตำแหน่งปีกในลีกอังกฤษที่ทำประตูสูงสุดต่อหนึ่งฤดูกาล ช่วยให้ยูไนเต็ดป้องกันแชมป์ พรีเมียร์ลีก ได้

ยิ่งไปกว่านั้นยังคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก จากการชนะ เชลซี ในการดวลจุดโทษหลังเสมอกัน 1–1 เป็นดาวซัลโวประจำรายการ แล้วสามารถคว้ารางวัล บัลลงก์ ดอร์ มาครองได้เป็นสมัยแรก ในช่วงเวลานั้น เริ่มมีกระแสว่า โรนัลโด้ ต้องการไปหาความท้าทายใหม่โดยย้ายร่วมทีม เรอัล มาดริด

ซีซั่นต่อมาเป็นปีสุดท้ายของ โรนัลโด้ ในถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด เขาช่วยทีมคว้าแชมป์ไปได้ 3 รายการ ยิงไป 27 ลูกรวมทุกรายการ เป็นแชมป์ลีก 3 สมัยติดต่อกัน ก่อนจะย้ายไปอยู่กับ ราชันชุดขาว ด้วยค่าตัว 80 ล้านปอนด์ อันเป็นสถิติโลกในเวลานั้น

ปิดสถิติรอบแรกไว้ที่ 299 นัด ยิงไป 118 ประตู คว้าแชมป์ไปทั้งหมด 9 รายการใหญ่ๆ

ยิ่งใหญ่ที่ เรอัล มาดริด

ฤดูกาล 2009–10 วันที่ 26 มิถุนายน 2009 โรนัลโด้ ได้เปิดตัวกับสโมสร ได้รับเสื้อหมายเลข 9 ฤดูกาลแรกนี้ เขาทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมโดยได้ลงเล่นเป็นตัวจริงทั้งหมด 35 นัด ทำประตูไปได้ 33 ประตู ครองดาวซัลโวสูงสุดของ ลาลีก้า

ประตูแรกของเขาเกิดขึ้นในเกมที่พบกับ เดปอร์ติโบ ลาคอรุนญ่า ที่เอาชนะไปได้ 3-2 น่าเสียดายที่ต้นสังกัดของเขาไม่มีแชมป์ติดไม้ติดมือแม้แต่รายการเดียว

ฤดูกาล 2010–11 ได้สืบทอดเสื้อหมายเลข 7 ต่อจาก ราอูล กอนซาเลซ ตำนานกองหน้าของทีม แล้วทีมมีการเปลี่ยนผู้จัดการทีมมาใช้ โชเซ่ มูรินโญ่ ในวันที่ 23 ตุลาคม ไฮไลท์สำคัญเป็นการยิง 4 ประตูใส่ ราซิ่ง ซานตานเดร์

แต่ฤดูกาลดังกล่าวกลับบุกไปพ่าย บาร์เซโลน่า คู่ปรับตลอดกาลแบบหมดรูปถึง คัมป์ นู 0-5 แล้วมายิง 5 ประตู ใส่ แอธเลติก บิลเบา ที่ถล่มไป 6-1 มีแชมป์ โกปา เดล เรย์ เป็นการปลอบใจ กดประตูรวมไป 53 ประตู จาก 54 นัด

ฤดูกาล 2011–12 ความสำเร็จของโรนัลโดกับสโมสรได้เพิ่มมากขึ้นตามลำดับ โดย โรนัลโด้ ทำประตูรวมทุกรายการในฤดูกาลนี้ไปถึง 60 ประตู พาทีมเข้าชิงบอลยุโรป แต่พ่ายการดวลจุดโทษให้กับ บาเยิร์น มิวนิค

แต่ โรนัลโด้ ก็นำทีมได้แชมป์ลาลีก้า ครั้งที่ 32 โดยในช่วงปลายฤดูกาล เรอัล มาดริด กับ บาร์เซโลน่า ได้แข่งขันกันที่ คัมป์ นู ซึ่งโรนัลโดก็เป็นผู้ทำประตูชัยพาทีมบุกไปชนะ 2–1 และยังทำสถิติเป็นทีมแรกในประวัติศาสตร์ฟุตบอลสเปนที่ได้ 100 คะแนน

ฤดูกาล 2012–13 ต้นสังกัดของเขาไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร มีเพียงแชมป์ ซูเปอร์ โกปา เดอ เอสปันญ่า เท่านั้น ผลงานส่วนตัวยิงไป 55 ประตูทุกรายการ แม้จะผ่านเข้าชิงชนะเลิศหลายรายการ แต่ปรากฏว่าพลาดเป้าไปหมด

ฤดูกาล 2013–14 วันที่ 18 สิงหาคม 2013 โรนัลโด้ ลงสนามครบ 200 เกมให้กับ เรอัล มาดริด ในนัดเปิดบ้านชนะ เรอัล เบติส 2–1 แล้วต่อสัญญาฉบับใหม่กับทีมออกไปจนถึงปี 2018 รับค่าเหนื่อยสูงสุดในทีมราว 17 ล้านยูโรต่อปี

เขาฉลองสัญญาใหม่ด้วยการกดไป 31 ประตู คว้ารางวัลดาวซัลโวลีกระทิงดุไปครอง ร่วมกับ หลุยส์ ซัวเรซ เป็นนักเตะคนแรกของสโมสรที่ยิงถึง 25 ประตู ติดต่อกันถึง 5 ซีซั่น พร้อมตำแหน่งดาวซัลโวบอลยุโรป จบฤดูกาลด้วยการเป็นเจ้ายุโรป และแชมป์ โกปา เดล เรย์

ฤดูกาล 2014–15 เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2015 เขาคว้ารางวัล บัลลงก์ดอร์ มาครองเป็นครั้งที่ 3 มีไฮไลท์ในเกมกับ กรานาด้า ที่ใช้เวลา 8 นาที ก็สามารถกดแฮตทริกได้

กลายเป็นนักเตะคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ยิงรวมกัน 50 ประตูในทุกรายการติดต่อกัน 5 ฤดูกาล หลังจากทำแฮตทริกได้อีกครั้ง ในเกมที่ทีมเอาชนะ มาลาก้า 3–1 ทำประตูทุกรายการรวม 61 ประตู เป็นสถิติที่สูงที่สุดนับตั้งแต่เล่นอาชีพมาคว้าแชมป์ได้สองรายการ คือ ซูเปอร์คัพ และ สโมสรโลก

ฤดูกาล 2015–16 มีการเปลี่ยนแปลงกุนซือจาก ราฟาเอล เบนิเตซ มาเป็น ซีเนดีน ซีดาน แล้วกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่พาทีมเข้าสู่ยุคทอง จบฤดูกาลด้วยการเป็นรองแชมป์ลีก แต่ได้ถ้วย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก มาครองอีกสมัยนอกจากนั้นการยิงไป 51 ประตูรวมทุกรายการ ทำให้เขากลายเป็นดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของ ราชันชุดขาว

ฤดูกาล 2016–17 ปีนี้ มาดริด ยังคงประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง เปิดหัวดด้วยแชมป์ ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ ด้วยการเอาชนะ เซบีย่า แบบหวุดหวิด 3-2 ต่อด้วยแชมป์สโมสรโลก ก้าวไปถึงตำแหน่งแชมป์ลีกได้ในรอบ 5 ปี

ป้องกันแชมป์ยุโรปได้สำเร็จเป็นทีมแรกในประวัติศาสตร์ กลายเป็นนักเตะคนแรกที่ยิงประตูในนัดชิงได้ถึง 3 ครั้ง ทำประตูรวมทุกรายการไป 42 ลูก

ฤดูกาล 2017–18 โรนัลโด้ เริ่มต้นฤดูกาลด้วยแชมป์ ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ ซึ่ง เรอัล มาดริด เฉือนชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2–1 ต่อด้วยการเอาชนะ บาร์เซโลน่า ในศึก ซูเปอร์ โกปา เดอ เอสปันญ่า ด้วยผลประตูรวมสองนัด 5–1

ช่วงปลายปี 2017 เขาได้รับรางวัลบาลงดอร์เป็นครั้งที่ 5 และ คว้ารางวัลผู้เล่นชายยอดเยี่ยมแห่งปีของ ฟีฟ่า เป็นปีที่สองติดต่อกัน ใช้เวลายิงประตูบนเวทีลาลีก้า ครบ 300 ลูกน้อยที่สุด แซงหน้าคู่แข่งตลอดกาลอย่าง ลิโอเนล เมสซี่

นอกจากนั้นยังพาทีมป้องกันแชมป์ยุโรปสมัยที่สามได้เป็นทีมแรก ยิ่งไปกว่านั้นยังรักษาตำแหน่งดาวซัลโวได้เป็นสมัยที่สามติดต่อกันด้วย น่าเสียดายที่จบซีซั่นด้วยการมีความขัดแย้่งกับประธานสโมสร ฟลอเรนติโน่ เปเรซ จนต้องย้ายทีมออกไป

ปิดตำนานไปที่การยิง 450 ลูก จากการลงสนามแค่ 438 เกมทุกรายการ

ออกไปหาความท้าทายที่ ยูเวนตุส

การย้ายออกจากถิ่น ซานติอาโก้ เบอร์นาเบว ของ โรนัลโด้ ด้วยมูลค่ากว่า 100 ล้านยูโร ถือว่าเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของ ยูเวนตุส ที่ซื้อผู้เล่นในวัยเกิน 30 ปี ที่แพงระยับระดับนี้

อย่างไรก็ตามเขายังคงฉายแววยอดดาวยิง ทำประตูให้กับทีมไดด้อย่างต่อเนื่อง ช่วยทีมคว้าแชมป์ กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี ได้สองสมัยติดต่อกัน ครองตำแหน่งดาวซัลโวประจำลีก บวกกับความสำเร็จบอลถ้วยในประเทศอีก 3 รายการ

หากตัดเกรดผลงานโดยรวมที่ทาง โรนัลโด้ ยิงไป 101 ประตู จากการเล่นไป 134 นัดตลอดสี่ฤดดูกาล ไม่นับรวมการตลาด การขายเสื้อ หรือแม้แต่การปลุกกระแสแฟนบอล เรียกความเชื่อมั่นให้กับทีม เงินที่จ่ายไปแค่นั้น ยังไงก็นับว่าคุ้มค่า

ประวัติความเป็นมา-6

กลับมาที่ ยูไนเต็ด รอบสอง

หลังจากอานคตของเขากับ ยูเวนตุส ชัดเจนว่าถึงเวลาที่ต้องแยกทางกัน โรนัลโด้ ได้รับการติดต่อจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แล้วมีการตกลงเบื้องต้นกันไปเรียบร้อยแล้ว แต่ข่าวดังกล่าวดันไปเข้าหู เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน บุคคลที่เปรียบเสมือนพ่อคนที่สองของเขา จึงเกิดการไฮแจ็คระหว่างที่ ซีอาร์เซเว่น กำลังจะเดินทางมายังประเทศอังกฤษด้วยเครื่องบินส่วนตัว แล้วถูก เฟอร์กี้ กล่อมให้เปลี่ยนใจในนาทีสุดท้าย

โดยทางบอร์ดบริหารของทีมอย่าง เกลเซอร์แฟมิลี่ ได้อนุมัติงบประมาณเร่งด่วนในการปิดดีล คว้าตัวอดีตตำนานของทีม กลับมาค้าแข้งเป็นคำรบที่สอง ตัดหน้าเพื่อบ้านน่ารำคาญไปอย่างแสบสันต์สุดๆ

อย่างไรก็ตามฤดูกาลที่ผ่านมา โรนัลโด้ ที่เปิดตัวได้อย่างยิ่งใหญ่ ยิงได้ตั้งแต่เกมแรกในลีก กลับต้องเผชิญปัญหาที่ฝังรากลึกในทีม ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อฟอร์มการเล่นของทั้งทีม จนผลงานของต้นสังกัดนั้นไม่เป็นไปตามเป้า จบที่ 6 ในลีกสูงสุดแดนผู้ดี ไม่มีถ้วยรางวัลติดมือแม้แต่รายการเดียว

สถิติเดียวที่ โรนัลโด้ พอจะถูไถไปได้ คือ ผลงานส่วนตัวที่ยิงรวมทุกรายการไป 24 ประตู จากการลงเล่นทั้งหมด 37 นัด

จุดเด่น สไตล์การเล่น

โรนัลโด้ เริ่มต้นตำแหน่งการเล่นแรกที่แจ้งเกิด คือ ปีกตัวริมเส้น ที่อาศัยความเร็ว ความคล่องตัว ทักษะความสามารถเฉพาะตัว ในการเลี้ยงตะลุยฝ่าแนวรับคู่แข่ง แต่ด้วยช่วงวัยที่เป็นดาวรุ่ง การตัดสินใจในจังหวะสุดท้ายของเขา ยังคงมีความขาดๆ เกินๆ จะยิงก็ไม่ดี จะครอสบอลก็ไม่แม่น

อย่างไรก็ตามเขายังคงไม่ยอมแพ้ ฟังคำแนะนำจากทั้งผู้จัดดการทีม และ นักเตะรุ่นพี่ ที่ช่วยแนะแนวให้ฝึกฝนจังหวะการยิงประตู ให้เฉียบคมทั้งสองเท้า หลังจากนั้นก็ระเบิดฟอร์มอันยอดเยี่ยมออกมาจนยากที่ใครจะหยุดได้ ไม่ว่าจะเลี้ยง ยิง โหม่ง และ จ่าย ทำได้ครบสมบูรณ์แบบ

พออายุเริ่มมากขึ้นเข้าสู่วัยเลขสาม โรนัลโด้ ก็ต้องปรับสไตล์การเล่นของเขาอีกครั้ง จากปีกตัวพริ้ว เปลี่ยนมาเป็นดาวยิงตัวจบสกอร์ เน้นการเข้าหาพื้นที่ยิงประตูที่ฉับไว เข้าชาร์จง่ายๆ อาศัยความเป็นเพชรฆาตทั้งในและนอกกรอบเขตโทษ

แม้ว่าอายุอานามของเขาจะใกล้แตะหลักเลขสี่ แต่ทุกวันนี้ผลงานในสนามของเขายังรักษามาตรฐานได้ดี ไม่มีตก แล้วเป็นความหวังสูงสุดของ ปีศาจแดง ในแดนหน้าชุดปัจจุบัน

เว็บไซต์ cr7ronaldo จัดทำขึ้นมาให้แฟนคลับของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ โดยเฉพาะ ด้วยการรวบรวมเรื่องราว ประวัติความเป็นมา เส้นทางชีวิต ไลฟ์สไตล์ ข่าวสารที่น่าสนใจต่างๆ ของหนึ่งสตาร์ที่ดีที่สุดบนโลกลูกหนัง เอาไว้แบบครบครันจบในที่เดียว จัดมาให้แบบเพียวๆ เน้นๆ ลองติดตามกันไว้ ต่อให้เป็น เฮตเตอร์ วันหนึ่งอาจจะเปลี่ยนใจมาร่วมเชียร์ด้วยกันก็เป็นได้ หากรับรู้ถึงความมุ่งมั่นอันเกินลิมิตของมนุษย์ ที่กล้าท้าทายขีดจำกัดของตัวเองอยู่เสมอรายนี้